GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

"กลิน เดวีส์" ทูตสหรัฐคนใหม่ เริ่มงานในไทยสานต่อภารกิจร่วมระบอบทักษิณ ???





"บิ๊กตู่" อึ้งคนไทยที่สหรัฐฯต้อนรับ-บอกเป็นความหวังครั้งสุดท้าย ตอบกลับติดตลก-ขณะไปถกยูเอ็น
วันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 24 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 11 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคเนดี้ นครนิวยอร์ก โดยมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และภริยาให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯ และคณะได้เดินทางมายังโรงแรมวัน ยูเอ็น นิวยอร์ก เมื่อมาถึงมีคนไทยในสหรัฐฯ รอให้การต้อนรับ มอบหนังสือให้นายกฯและมอบดอกไม้ให้ภริยานายกฯและกล่าวให้กำลังใจ มีบางคนระบุว่านายกฯ เป็นความหวังครั้งสุดท้าย ซึ่งนายกฯ ถึงกับอึ้ง แต่ก็กล่าวติดตลกว่า "ทำให้ผมรู้สึกกดดัน และขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ เพราะทุกคนที่สนับสนุนผมหรือไม่สนับสนุนผม ต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน"

ต่อมานายกฯเป็นประธานการประชุมเพื่อมอบนโยบายให้กับทีมประเทศไทยในสหรัฐฯ โดยนายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน กล่าวรายงานว่า มีความซาบซึ้งใจที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ ด้วยการเลือกให้นโยบายกับทีมประเทศไทยในสหรัฐฯ เป็นวาระแรกในงานของนายกฯ เพื่อให้เรามีโอกาสรับฟังรายงานจากนายกฯโดยตรง มั่นใจว่าเมื่อกลับเมืองไทย ก็จะไม่มีโอกาสรับฟังอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ซึ่งทีมประเทศไทยในสหรัฐฯทั้งหมด 82 คน เป็นพลเรือน 65 คน และทหาร 17 คน
พล.ต.วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า นายพิศาล รายงานถึงความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ และความร่วมมือระหว่างกันว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นสัญญาณทางบวก ดูจากความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นเกือบเท่าระดับปกติ ทั้งความร่วมมือด้านการศึกษา พาณิชย์ ความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคง ซึ่งนายกฯพร้อมจะแก้ข้อขัดข้องต่าง ๆ และให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาทั้งด้านการค้าการลงทุน การศึกษา การเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งส่งเสริมปัจจัยต่าง ๆ ที่เอื้อต่อความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐฯ
สำหรับการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำ เพื่อรับรองวาระการพัฒนา ภายหลังปี ค.ศ. 2015 และการประชุมสมัชสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 70 ในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกฯจะร่วมรับฟังการกล่าวปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่ General Assembly Hall สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ จากนั้นเป็นพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะ การประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนา ภายหลังปี ค.ศ. 2015
ในช่วงบ่าย นายกฯจะกล่าวถ้อยแถลงในการเสวนา Interactive Dialogue 1 หัวข้อ "Ending Poverty and Hunger" และเยี่ยมชมนิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการไว้ภายในสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ และช่วงค่ำนายกฯ พบปะผู้แทนระดับสูงจากบริษัทต่าง ๆ และจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา.....ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

 

ทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่านายกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศคนใหม่ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยและจะเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการทำให้สถานการณ์การเมืองของไทยตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปจะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศคนนี้รวมถึงท่าทีของสหรัฐอเมริกาว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางไหนอย่างไร?
โดยถ้าหากย้อนกลับไปตรวจสอบพฤติกรรมของเอกอัครราชทูตรวมไปถึงอุปทูตก่อนหน้านี้ก็จะพบว่าล้วนแต่ถูกจัดวางบทบาทของการทำงานสอดประสานกับฝ่ายระบอบทักษิณและพยายามที่จะโจมตีรัฐบาล คสช. มาโดยตลอด  หลังจากที่ นายกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ วัย 58 ปี เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา หลังวุฒิสภาลงมติรับรองนายเดวีส์ เมื่อเดือนก่อน ทำให้การว่างเว้นของตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยมานานกว่า 10 เดือนสิ้นสุดลงนับตั้งแต่นางคริสตี เคนนีย์เอกอัครราชทูตคนก่อนหน้านี้หมดวาระดำรงตำแหน่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ขณะที่ ล่าสุด สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า"สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมีความยินดีแจ้งให้ทราบว่า เอกอัครราชทูตกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ได้เดินทางถึงไทยแล้ว"
โดยประวัติของนายเดวีส์ว่า เป็นนักการทูตอาชีพลำดับชั้นอัครราชทูตที่ปรึกษา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ พ.ศ.2557 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งก่อนหน้านั้น นายเดวีส์เคยเป็นผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือระหว่าง พ.ศ.2555-2557 และปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้แทนสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ระหว่างปี พ.ศ.2552-2555
นายเดวีส์เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มรองผู้ช่วยรัฐมนตรีและเป็นรองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ.2549-2552 ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาอาวุโสประจำ Leadership and Management School แห่ง Foreign Service Institute (FSI) เมื่อ พ.ศ.2548-2549 รักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและแรงงาน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2548 รองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการยุโรประหว่างปี พ.ศ.2547-2548 และผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองในวาระที่สหรัฐอเมริกาเป็นประธานกลุ่ม G-8 ระหว่างปี พ.ศ.2546-2547 และช่วงปี พ.ศ.2542-2546 นายเดวีส์รับตำแหน่งอัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ณ กรุงลอนดอน
นอกจากนี้ ยังเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระหว่างปี พ.ศ.2540-2542 รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและรองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการสาธารณะระหว่าง พ.ศ.2538-2540 และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ (Operations Center) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ.2535-2537 และเคยถูกส่งไปประจำการในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และซาอีร์ (ปัจจุบันคือคองโก)
นายเดวีส์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในปี 2522 และปริญญาโทด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ จากมหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. เขาสมรสกับนางแจ๊กเกอลีน เอ็ม. เดวีส์ซึ่งเป็นทนายความ มีบุตรสาว 2 คน และหลานสาวอีก 3 คน
หลังจากนี้อีกไม่นานนัก เราก็คงจะได้เห็นฝีไม้ลายมือของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ ว่าจะทำได้ดีเพียงใดภายใต้สถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกอยู่ในสถานะที่ไม่ค่อยปกติสักเท่าใดนักในปัจจุบัน พิจารณาจากภูมิหลังของเกล็น เดวีส์ เห็นได้ชัดว่า นี่คือนักการทูตระดับลายคราม
นั่นนำไปสู่คำถามที่ต้องควานหาคำตอบกันต่อไปว่า ทำไมสหรัฐอเมริกาส่งมือการทูตระดับนี้มาประจำประเทศไทย
ทั้งนี้นับตั้งแต่ที่นางคริสตี เคนนีย์เอกอัครราชทูตคนเดิมได้พ้นวาระออกไป และก่อนที่นายเดวีส์จะเข้ามาทำหน้าที่แทน ตำแหน่งรักษาการในที่นี้ตกเป็นของนายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
ซึ่งก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายื่นอยู่เคียงข้างระบอบทักษิณและบ่อยครั้งที่มักจะสื่อสารตำหนิคสช.เกี่ยวกับเรื่องการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ
ล่าสุดนายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ยังมีความกังวลต่อข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในประเทศไทย และข้อจำกัดเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ
ประกอบกับเมื่อวานประชาธิปไตยสากลที่ผ่านมา เครือข่ายคนเสื้อแดงก็ได้ทำการเผยแพร่ภาพอันเป็นที่น่ายินดีของฝ่ายตนเองโดยระบุว่าสถานทูตอเมริกาเผย "รังสิมันต์ โรม" จิบชาสนทนากับอุปทูต พร้อมตัวแทนภาคประชาสังคมเนื่องในวัน ประชาธิปไตยสากล
ทั้งนี้อุปทูต ดับเบิลยู. แพทริค เมอร์ฟี เป็นนักการทูตอาชีพระดับอาวุโสที่ได้เข้ารับตำแหน่งอุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 นายเมอร์ฟีปฏิบัติหน้าที่อัครราชทูตที่ปรึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ก่อนเดินทางมาประจำในประเทศไทย นายเมอร์ฟีเคยปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้แทนพิเศษและผู้ประสานงานด้านนโยบายระหว่างสหรัฐฯ กับพม่าระหว่างปี พ.ศ. 2555-2556 
ก่อนหน้านั้น นายเมอร์ฟีเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (พม่า กัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม) รองผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ในประเทศพม่า หัวหน้าคณะทำงานระหว่างหน่วยงานเพื่อการฟื้นฟูเขตการปกครองนิเนเวห์ (Ninewa Provincial Reconstruction Team) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิรัก อัครราชทูตที่ปรึกษาประจำสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมาเซรู ราชอาณาจักรเลโซโท และที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจประจำสถานทูตสหรัฐฯ ในนครย่างกุ้ง  นับตั้งแต่เริ่มรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศเมื่อ พ.ศ. 2535 นายเมอร์ฟียังได้ไปปฏิบัติราชการในจีน กินี และมาลีอีกด้วย
ขณะประจำที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อุปทูต เมอร์ฟีเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายการเมืองของคณะทำงานเพื่อเฮติ (Haiti Working Group) และเจ้าหน้าที่ดูแลกิจการประเทศพม่าและลาว  อีกทั้งเคยเป็นอาสาสมัครหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกาในประเทศแคเมอรูน 
นายเมอร์ฟีสำเร็จปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Johns Hopkins University (SAIS) และสาขายุทธศาสตร์ความมั่นคงจากวิทยาลัยป้องกันประเทศด้วยผลการเรียนดีเด่น (เกียรตินิยม)  นายเมอร์ฟีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์และแคนาดาศึกษาจาก University of Vermont และศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่ European Institute ในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
ก่อนเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ อุปทูต เมอร์ฟีเคยเป็นนักเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรของกองทุนสัตว์ป่าโลก และเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายของสำนักงานสภาเพื่อการพัฒนาในต่างประเทศ  
นายเมอร์ฟีมีความรู้ภาษาต่างประเทศหลายภาษา ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาจีนกวางตุ้งและภาษาพม่า  อุปทูต เมอร์ฟีสมรสกับนางแคธลีน  ทั้งคู่มีบุตรชายหนึ่งคนชื่อเชมัส และบุตรสาวสองคนชื่อ เมกันและจิลเลียน และเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าการที่สหรัฐอเมริกาเลทอกนายกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ มาปฏิบัติหน้าที่ต่อจากนางคริสตี้ เคนนี่ย์ ก็เพื่อเหตุผลทางการเมืองและภารกิจสำคัญบางอย่างในการเผชิญหน้ากับคสช. และรักษาผลประโชยน์ทางการเมืองร่วมกับระบอบทักษิณก็จะได้ย้อยกลับไปพิจารณาจากผลงานของนางคริสตี้ เคนนี่ย์ที่เคยฝากเอาไว้ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามจากรายงานพิเศษชิ้นนี้


MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY