GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มหานครที่ไม่มีใครรบชนะ



Be strong when you are weak, brave when you are scared. We are Bangkok, we are STRONG.

มหานครที่ไม่มีใครรบชนะ

กรุงเทพมหานคร แปลว่า "พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร" มาจากชื่อเต็มว่า...

กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์

มีความหมายว่า...

"พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้ "

ขอให้ทุกคนเข้มแข็งแม้ในวันที่อ่อนแอ และกล้าหาญในวันที่ปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


พระสยามเทวาธิราช อีกมุมมองหนึ่งที่ควรทราบ......

พระสยามเทวาธิราชนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำริว่า ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่บังเอิญมีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ ชะรอยคงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการปั้นรูปสมมติขึ้น แล้วหล่อด้วยทองคำแท่ง มีลักษณะแบบเทวรูป มีความสูง ๘ นิ้ว ทรงเครื่องอย่างเทพารักษ์ ทรงมงกุฎ ประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นในท่าจีบเสมอพระอุระ ประทับในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ มีลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน และถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง
ภายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ซึ่งที่ประดิษฐานพระสยามเทวาธิราชจะอยู่ด้าขวาของภาพ

พระบาทสมเด็จพระจอมกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคารพบูชาพระสยามเทวาธิราชเป็นอย่างสูง ทรงถวายเครื่องสักการะเป็นประจำทุกวัน และทรงถวายเครื่องสังเวยทุกวันอังคารและวันเสาร์ก่อนเวลาเพล กับโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสังเวยเทวดาในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ อันตรงกับวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณด้วย ทั้งเป็นที่ร่ำลือกันว่าพระสยามเทวาธิราชนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเคารพนับถือพระสยามเทวาธิราช เช่นเดียวกับพระราชบิดา นอกจากจะโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ในเครื่องทรงแบบพระสยามเทวาธิราชขึ้นองค์หนึ่งประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต เพื่อทรงสักการะแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้นำรูปพระสยามเทวาธิราชประทับนั่งใส่ในด้านหลังของ เหรียญกษาปณ์ ราคาเสี้ยว อัฐ และโสฬส ซึ่งออกใช้ในรัชสมัยของพระองค์ด้วย
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเลียนแบบพระสยามเทวาธิราชแต่แปลงเค้าพระพักตร์ให้ เหมือนสมเด็จพระชนกาธิราช เพื่อทรงสักการะ พระบรมรูปองค์นี้ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ หรือพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ เสด็จแทนพระองค์ไปทรงถวายเครื่องสังเวยพระสยามเทวาธิราช ในวัน ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ และระหว่างงานฉลองกรุงเทพฯ ๒๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสยามเทวาธิราชออกมาให้ประชาชาชนทั่วไปได้สักการบูชาเป็นครั้งแรก

คนไทยเราเชื่อกันมาแต่โบร่ำโบราณแล้วว่ามีเทวดาผู้ปกปักรักษาบ้านเมืองใน สมัยกรุงสุโขทัยมีพระขพุงผีเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เชื่อกันว่า “ถ้าไหว้ดีพลีถูก บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าไหว้ดีพลีไม่ถูก บ้านเมืองก็ล่มจม” พระขพุงผีนี้เข้าใจกันว่าน่าจะเป็นเทวรูปศิลาของเทวนารีซึ่งปัจจุบันเรียก ว่า แม่ย่า ซึ่งสันนิษฐานว่าพ่อขุนรามคำแหงให้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมารดาคือ นางเสือง

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความเชื่อว่าเทวดาที่คุ้มครองบ้านเมืองคือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และ พระหลักเมือง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงให้ความหมายของพระเสื้อเมืองว่า มีมัลลิตารีเพาเวอร์ คืออำนาจทางทหาร พระทรงเมืองเป็นซีวิลเพาเวอร์ คืออำนาจของข้าราชการพลเรือน ส่วนพระหลักเมืองเป็นจูดิคัลเพาเวอร์ คืออำนาจตุลาการ ซึ่งสื่อความหมายว่าบ้านเมืองจะร่มเย็นได้ ก็ต้องประกอบด้วยความเข้มแข็งทางทหาร การปกครองที่ดีงาม และกระบวนการด้านความยุติธรรมอันถูกต้องเที่ยงตรง อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวบ้านโดยทั่วไปยังให้ความเคารพยำเกรงต่อพระแก้วและ พระกาฬ จนมีคำสาบานที่อ้างพระแก้วพระกาฬอย่างติดปาก พระแก้วก็คือพระแก้วมรกตซึ่งถือได้ว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมืองโดยแท้ เพราะชื่อของเมืองคือรัตนโกสินทร์ก็หมายถึงที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตนั่นเอง ส่วนพระกาฬ หรือพระกาฬไชยศรีเป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำดวงวิญญาณมนุษย์ไปยมโลก

ส่วนพระสยามเทวาธิราชซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น พระมหาโพธิธรรมาจารย์วงศ์ศากยะได้ เขียนเล่าไว้ว่า
ชื่อ “พระสยามเทวาธิราช”นั้น เป็นตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ชื่อของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ และผู้ดำรงตำแหน่งพระสยามเทวาธิราชนั้นเปลี่ยนแปลงได้ เปลื่ยนตัวบุคคลได้ตามความเหมาะสมแก่กาลสมัย ไม่เป็นการตายตัวว่าท่านผู้ใดได้ดำรงตำแหน่งนี้แล้วจะต้องอยู่กี่ปีหรือ ต้องอยู่ตลอดไป

คำว่า “พระสยามเทวาธิราช” นั้นมีมานานแล้ว เป็นตำแหน่งที่พระมหาพรหมซึ่งมีหน้าที่ปกปักรักษาเมืองสยามตั้งขึ้น โดยมีการประชุมเทพ-พรหมที่เป็นฝ่ายรักษาบ้านเมืองและเห็นสมควรบัญญัติคำว่า “พระสยามเทวาธิราช” ขึ้น และทรงประทานหน้าที่นี้ให้แก่พระมหากษัตริย์ผู้ครองเมืองสยามทรงทำหน้าที่นี้ ผู้ดำรงตำแหน่งพระองค์แรกและเรียงกันลงมาตามลำดับคือ

๑ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
๒ พ่อขุนผาเมือง
๓ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
๔ พระเอกาทศรถ
๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ
๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเมตตามหาราช(ปิยมหาราช) พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาจากเบื้องบนเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๐ ครั้งแรกได้ทรงแต่งตั้งพระอนุชาและพระโอรสใ้ห้ช่วยงานการในตำแหน่งอีก ๑๓ พระองค์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงเป็นองค์ที่ ๑๓ แต่ บัดนี้เนื่องจากเหตุการณ์ทางบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปจึงทรงลำดับใหม่ดังนี้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ทรงเป็นองค์ประธาน ทรงมีผู้ช่วยอีก ๔ พระองค์คือ
๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)
๒ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๖)
๔ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๗)

(โดยอาจจะทรงมีการแต่งตั้งอีกในภายหน้า)

การที่เบื้องบนได้ทรงแต่งตั้งให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสยามเทวาธิราชนี้ ได้ประชุมและตกลงกันโดยได้ทรงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระองค์ที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบันนี้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) พระเมตตามหาราชพระองค์นี้ เมื่อยังเสด็จประทับอยู่ในโลกมนุษย์ ทรงมีพระเมตตากรุณาเป็นอย่างสูง เมื่อได้เสด็จสวรรคตแล้วได้ทรงใช้กรรมเล็กๆ น้อยๆ เพียงชั่วเวลาอันรวดเร็วก็ได้ขึ้นเป็นเทพ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ผู้เขียน...หมายถึงท่านพระมหาโพธิธรรมาจารย์ วงศ์ศากยะเอง....ได้พบพระองค์ในฐานะเทพชั้น ๖ แต่จากนั้นไม่ถึง ๕ ปี ก็ได้ขึ้นเป็นพรหม และบัดนี้ทรงเป็นพระมหาพรหมแล้วทรงพระนามว่า “พระมหาพรหมปิยะวงศ์วิสุทธิราช” เสด็จประทับอยู่ ณ.พรหมโลก

ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๑ คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)ขณะนี้เสด็จประทับอยู่บนเทวโลกชั้นดาวดึงส์ตอนต้น ตอนนี้ท่านพระมหาโพธิธรรมาจารย์วงศ์ศากยะได้ทราบจากนักสืบองค์ น้อยว่ากำลังบำเพ็ญสมาธิทางพระจิตอยู่ เพราะเมื่อยังเสด็จประทับอยู่ในมนุสสโลกนั้นต้องทรงพากเพียรเรียนทางบาลีและ อังกฤษ ฯลฯ จึงไม่มีเวลาพอที่จะตั้งพระทัยบำเพ็ญทางพระกรรมฐานได้ ครั้นเมื่อได้ทรงลาสิกขาบทแล้วก็ยิ่งต้องทรงมีธุรกิจทางปกครองบ้านเมืองมาก ยิ่งขึ้น ขณะนี้ถ้าเวลาใดพอมีเวลาว่างบ้างก็ทรงตั้งพระทัยที่จะแสวงหาความรู้ทางฌาน และญานเพื่อประโยชน์จะได้้ทรงช่วยพระศาสนาและบ้านเมือง

ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๒ (หรือพระสยามเทวาธิราชองค์ที่ ๓) คือกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระองค์นี้ทรงเข้มแข็งและเด็ดขาดและทรงมีหลายพระภาค เรื่องต่อสู้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองแล้วรับรองได้ว่ามิได้เคยทรงย่อท้อต่อไพรีเลยแม้แต่ก้าวเดียว เรื่องรักชาติแล้วเป็นหนึ่งไม่มีสอง

ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๓ และที่ ๔ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระเมตตาต่อประชาชนเป็นอย่างมากแต่กาลเวลาที่ทรงครองราชย์สั้นไป ถึงกระนั้นเรื่องการเอาพระทัยใส่ต่อบ้านเมืองแล้วก็ทรงหนักแน่นอยู่เสมอแม้จนบัดนี้ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นเทพชั้นจาตุมหาราช ประทับอยู่ ณ สโมสรสุขเกษมบนเทวโลก

ตลอดหลายร้อยปีของการมีประเทศไทย และ ๒๒๙ ของการมีกรุงรัตนโกสินทร์ บูรพกษัตริย์ไทยทรงให้ความเคารพบูชาเทพยาฟ้าดินผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครองบ้านเมือง จนปัจจุบันนับเป็นปีที่ ๒๒๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หรือนับเป็นพุทธศักราชที่ ๒๕๕๓ มีบุคคลบางกลุ่มที่พยายามกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งนับเป็นวันที่บูรพกษัตริย์ไทยทรงถือเป็นวันสำคัญแห่งการบูชาองค์พระสยามเทวาธิราช คงไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้นอกเสียจากการให้ร้ายแก่แผ่นดินนี้ และ ๓ สถาบันสูงสุดของชาติไทย

ขอพระสยามเทวาธิราชและบูรพกษัตริย์ไทยทรงคุ้มครองคนดีและบ้านเมืองนี้ด้วยเถิด

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY